เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ธ.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันสำคัญนะ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันเฉลิมพระชนมพรรษา เห็นไหม คนมีบุญเกิดนะ เพราะคนมีบุญเป็นหลักของชาติ ชาติคืออะไร? ชาติคือสังคมไง มนุษย์เกิดมาเป็นชาติไหม? ไปดูชายแดนสิ พวกที่ชนกลุ่มน้อยเขาไม่มีพื้นที่ ไม่มีประเทศของเขา เขาทุกข์ยากขนาดไหน?

เราอยู่ในประเทศอันสมควรนะ มันอุดมสมบูรณ์ แล้วการปกครองนี่มันยุ่งยาก เราก็ว่ามันยุ่งยากเพราะเราเห็นนี่แหละ แต่ไปดูข้างนอกมันยุ่งยากกว่านี้ขนาดไหน? เพราะอะไร? เพราะมนุษย์มันยุ่งยาก คนมีความคิด ความคิดคนมันหลากหลายมาก มันยุ่งเพราะคนนี่แหละ ทีนี้พอยุ่งเพราะคน เห็นไหม ชาติคืออะไร? ชาติเพราะสังคมนี่แหละถึงเกิดมาเป็นชาติ สังคมเป็นชาติ เราเกิดขึ้นมาในชาตินี่บุญกุศลที่นี่ แล้วชาติมันจะปกครองกันได้อย่างไร?

ดูสิโดมิโนมากี่รอบแล้วเมืองไทย มันเอาเมืองไทยไปไม่ได้ เมืองไทยอยู่ได้เพราะอะไร? อยู่ได้เพราะคนมีบุญไง คนมีบุญเกิดเป็นผู้นำไง ทีนี้ผู้นำนี่เราทำบุญเพื่อใคร? เราทำบุญเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขในสังคมนี้ สังคม เห็นไหม เพราะสังคมนี้มีการเสียสละ สังคมนี้มีความร่มเย็นเป็นสุข เราเป็นคนๆ หนึ่งอยู่ในสังคมอยู่ในชาติ

วันนี้วันเฉลิมพระชนมพรรษา ผู้นำของชาติ! ผู้นำของชาติเป็นผู้ที่เผื่อแผ่ เป็นผู้ที่ทุกสัญชาติทุกชนชาติไว้เนื้อเชื่อใจ การไว้เนื้อเชื่อใจเพราะว่าอะไร? เพราะว่าชีวิตหนึ่งได้แต่เสียสละ เห็นไหม เขาบอกว่าในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ใช่ไหม? พฤติกรรมมันฟ้องนะ พฤติกรรมมันบอก พฤติกรรมเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้นำ แล้วผู้นำกลุ่มชน..

กลุ่มชนเวลาแตกแยก กลุ่มชนเวลาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งความคิด แล้วกลุ่มชนนั้นผู้นำจะให้สมานกัน ผู้นำนั้นต้องเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจ การไว้เนื้อเชื่อใจ เราจะไว้เนื้อเชื่อใจใครได้ เรายังไว้เนื้อเชื่อใจเราเองไม่ได้เลย แล้วเราจะไว้เนื้อเชื่อใจใคร แต่ท่านทำเป็นชีวิตแบบอย่าง เห็นไหม ชีวิตแบบอย่างที่ทำไว้ให้เราดู ความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นจุดรวมของชาติ ในเมื่อเป็นจุดรวมของชาติ ชาติมันจะร่มเย็นเป็นสุข

เราเกิดมานี่เราต้องซึ้งบุญคุณนะ เราเกิดมาในสังคมอย่างนี้ ใช่ ชีวิตเราทุกข์ยากไหม? การประกอบสัมมาอาชีวะเรานี่มันมีความคิดเห็นหลากหลาย ว่าความคิดหลากหลาย ดูป่าสิ ดูต้นไม้ในป่า มันมีพืชพันธุ์หลากหลาย ป่านั้นจะอุดมสมบูรณ์

มนุษย์ก็เหมือนกัน ความคิดที่ขัดแย้ง ความคิดที่มีความเห็นขัดแย้งกัน แต่ถ้าเราเอาความคิดขัดแย้งนั้นมาหาคุณงามความดี เห็นไหม ก็ความขัดแย้งถึงให้อีกฝ่ายตรงข้ามได้มีความคิด มีการใช้ปัญญาในการนำ แล้วการนำอย่างนั้น การนำจากไหน? นี่พูดถึงชาตินะ แต่เรื่องศาสนาล่ะ? ศาสนาพูดถึงมนุษย์ มนุษย์นี่ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ที่โคนต้นโพธิ์ แต่ผู้ที่ตรัสรู้คือใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม?

นี่ก็เหมือนกัน การเกิดของเราไง เราเกิดมาจากไหน? เราเกิดมาจากไหน? เราเกิดมาจากกรรม กรรมคืออะไร? กรรมคือการกระทำ แล้วใครเป็นคนทำ ก็เราเป็นคนทำไง เราทำกรรมดี กรรมชั่วมา เราถึงได้มาเกิดสูงๆ ต่ำๆ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เห็นไหม ศาสนาสอนถึงการเกิดและการตาย

การเป็นมนุษย์ เห็นไหม เราเกิดเป็นมนุษย์แล้วนี่รวมกันถึงเป็นชาติ แล้วมีศาสนามาสมานสิ่งที่เป็นความนึกคิดให้มีการเสียสละ นี่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตัวชาติต้องมีศาสนามาสมาน แล้วศาสนานี่ถ้าคนมันหยาบ ว่าศาสนาเป็นลูกตุ้มสังคม ศาสนาเป็นผู้เอาเปรียบ พระเป็นลูกตุ้มสังคม เวลาหมอ เวลาแพทย์เขาเอาเปรียบสังคมไหม? เจ็บไข้ได้ป่วยเราไปหาหมอไหม? นี่หน้าที่หลากหลายของการทำงาน

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ พระเจ้าอชาตศัตรูจะทำสงครามก็ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พราหมณ์หรือพวกต่างๆ ก็ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอานนท์ร้องไห้นะ บอกว่า “ดวงตาของโลกดับแล้ว”

ดวงตาของโลกนะ นี่ผู้นำถ้าหัวใจสว่าง ใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ความนึกคิด ความบีบคั้นในหัวใจของเรามันมืดบอด แต่หัวใจผู้ที่สว่างแล้วมันสว่างนะ มันมืดบอดเพราะอะไร? มันมืดบอดเพราะอวิชชา เพราะความเห็นแก่ตัวของเรามันปิดบังไว้ แล้วผู้ที่เสียสละ ผู้ที่เพิกสิ่งที่มืดบอดออกไปจากใจ เห็นไหม นี่ความสว่างมันสว่างที่นั่น

ดวงตาของโลกดับแล้ว โลกอะไร? โลกนอก นี่สังคมชาติเป็นโลก หมู่ชนเป็นสังคม เป็นชาติ รวมกันเป็นโลก โลกทัศน์! โลกทัศน์คือความคิด ความคิดของเรานี่ปฏิสนธิจิต จิตปฏิสนธิวิญญาณมันครอบจักรวาลนะ เพราะอะไร? เพราะจิตนี้มันเกิดมันตายใช่ไหม? จิตตายไปนรก สวรรค์ อเวจี ในภพในชาติ มันเกิดครอบโลกธาตุ มันครอบจักรวาล ๓ โลกธาตุ.. กามโลก รูปโลก อรูปโลก

นี่กามโลก เห็นไหม ตั้งแต่สวรรค์ลงมา รูปโลกคือพรหม อรูปโลกคือพรหมที่ไม่มีรูป นี่พรหม ๑๖ ชั้น แล้วจิตนี้มันเคยตายเคยเกิด เราเคยตายเคยเกิดมา เราจะปฏิเสธ เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันเรื่องของเรา มันเรื่องของมุมมอง มันเรื่องของอวิชชา แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้น นี่เมื่อวานมีไหม? วันนี้มีไหม? พรุ่งนี้มีไหม? ภพชาติมีไหม? การเกิดการตายของจิตมันมีไหม? แล้วจิตมันเกิดมันตายขึ้นมาเพราะมันมีบุญกุศลใช่ไหม? เราถึงมาเกิดมาในประเทศอันสมควร เกิดมามีบุญพาเกิด

บุญนะ บุญกุศลในสังคม คนดีต้องมากกว่าคนชั่ว ถ้าคนดีน้อยกว่าคนชั่ว สังคมนั้นจะเหลวแหลกมาก มีคนดีมากกว่าคนชั่ว แต่คนดีไม่แสดงออกมา เพราะคนดีเขามีสมบัติผู้ดี ความดีของเขา เขาเก็บไว้ในหัวใจไง เห็นไหม ดูทางโลกเวลามีทรัพย์สมบัติเขาต้องเก็บใส่ตู้เซฟไว้ เอามาใส่กันต่อเมื่อมีความจำเป็น

คุณงามความดีของเราก็เหมือนกัน เราทำคุณงามความดีของเรา ความดี เห็นไหม ทำที่ไหนมันก็เป็นความดี ทำในที่ลับก็เป็นความดี ทำในที่แจ้งก็เป็นความดี ความชั่วทำที่ลับก็เป็นความชั่ว ทำที่แจ้งก็เป็นความชั่ว ความชั่วก็คือความชั่ว ความชั่วก็คือเราเป็นคนทำ เราเป็นคนรู้ ใครจะรู้หรือไม่รู้กับเรา เรารู้คนเดียว นี่มันซับสมลงที่ใจ มันถึงเป็นอำนาจวาสนา มันเป็นบารมีของสัตว์โลก เห็นไหม

พระโพธิสัตว์ต้องสร้างสมบุญญาธิการมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ถ้าสิ่งที่เป็นภพชาติมันไม่มี สิ่งที่เป็นอสงไขย การสร้างมาในชาตินี้เราเสียสละ เราเป็นคนทำความดี เรามีการศึกษา เห็นไหม ปฏิภาณไหวพริบมันเกิดมาจากจิต จิตมันสร้างสมขึ้นมาเป็นบารมีต่อภพต่อชาติขึ้นไป เป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป

ถ้ามันขาดด้วน มันไม่ต่อภพต่อชาติกันไป พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขยมันสืบทอดมาได้อย่างไร? พระเวสสันดรเสียสละลูกเสียสละเมียมาเป็นพระโพธิสัตว์ มาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะได้อย่างไร? เจ้าชายสิทธัตถะ ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะออกประพฤติปฏิบัติ ๖ ปี ค้นคว้าอยู่นี่ยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ยังเป็นนักบวชอยู่นี่ ขณะที่คืนเพ็ญเดือน ๖ เห็นไหม คืนตรัสรู้ธรรมขึ้นมาจากเจ้าชายสิทธัตถะ จากปุถุชนกลายเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา มันเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

มันมีการเปลี่ยนแปลงของมัน ดูสิมนุษย์เกิดขึ้นมาปฏิสนธิจิต จิตเกิดในไข่ของมารดา มันพัฒนาการของมันออกมาเป็นทารก ออกมาเป็นมนุษย์ มนุษย์มันพัฒนาการของมันจนสิ้นสุดชีวิตหนึ่ง ชีวิตหนึ่งก็เกิดตาย เห็นไหม

“ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด”

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เกิดมาแล้วมันต้องตายเป็นที่สุด แล้วสิ่งที่มันทำคุณงามความดีกับบาปอกุศลมันตายไปไหน? มันซับสมอยู่นี่มันตายไหม? ถ้ามันตายขึ้นมาทำไมเชาว์ปัญญาของคนไม่เหมือนกัน ญาติพี่น้องของเราเกิดมาทำไมไม่เหมือนกัน อำนาจวาสนาของคนไม่เหมือนกัน

เกิดเหมือนกัน แต่คุณงามความดีในหัวใจ บารมีธรรมมันไม่เหมือนกัน มุมมองมันถึงแตกต่างกัน เห็นไหม ครูบาอาจารย์ที่หูตาสว่าง ท่านจะเข้าใจเรื่องสังคม เข้าใจถึงความคิดของมนุษย์ไง มนุษย์มันมีความคิดหลากหลาย ความคิดแตกต่างกันไป แล้วเราจะไปบังคับมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้มันต้องเป็นอย่างนั้น แต่! แต่เพราะมีผู้นำ

นี่ในหลวงของเรา วันเฉลิมพระชนมพรรษาท่านเป็นผู้นำ ชีวิตท่านเป็นแบบอย่าง เห็นไหม เราเห็นว่าสิ่งนี้เป็นแบบอย่าง เป็นคุณงามความดีเราก็ทำตามกัน การทำตามกันมันก็เป็นการพัฒนาหัวใจ พัฒนาความคิดไง มุมมองความคิดที่มันเห็นแก่ตัว ที่มันต่างๆ ทำไมคนอื่นเสียสละได้ ดูสิท่านเสียสละเพื่อประเทศชาติของเรา ทำโครงการต่างๆ ให้ประชาชนมีอาชีพ มีสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตของเรา

การมีอาชีพนะ หน้าที่ของเรา เพราะเราเกิดมามีปากมีท้องใช่ไหม? มนุษย์เกิดมามีร่างกายกับจิตใจใช่ไหม? จิตใจเป็นเรื่องของศาสนา ศาสนากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูจิตใจให้ไม่ทุกข์ยากจนเกินไปนัก แต่ในเมื่อหัวใจของเรา คนทุกข์หรือคนที่มีบุญกุศลก็เหมือนกัน ก็ต้องใช้ปัจจัย ๔ เหมือนกัน ปัจจัย ๔ จากข้างนอกเป็นเครื่องอาศัยจากเรื่องสังคม สังคมนี่เป็นปัจจัยเครื่องอาศัยก็ต้องมีเหมือนกัน เรามีปากมีท้อง เราก็ต้องมีเครื่องนุ่งห่ม มีปัจจัย ๔

ปัจจัย ๔ เห็นไหม พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลนะ พาหิยะฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนเดียวเป็นพระอรหันต์เลย แล้วขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบวช องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เธอไม่มีบริขาร ๘ เธอจะบวชได้อย่างไรล่ะ?”

นี่ออกไปหาบริขาร ๘ อยู่ พาหิยะฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนเดียวเป็นพระอรหันต์เลย พระอรหันต์นะ หาบาตรไม่ได้ หาจีวรไม่ได้ ไปหาบาตร หาจีวรอยู่นี่โดนควายขวิดตาย ดูสิดูครูบาอาจารย์ที่ท่านมีบารมีมานะ เวลาจะขอบวช นี่บริขาร ๘ เป็นทิพย์ลอยมาเลย ลอยมานะ ถ้าคนที่มีบุญสร้างบุญไว้นี่ลอยมา แต่ชุดเดียว

มีพระหลายองค์มากที่เวลาจะบวชมีเป็นทิพย์ลอยมาเลย มีบาตรมันมาเอง มาเองเพราะสร้างมา แต่พระอรหันต์เหมือนกัน แสวงหาขนาดไหน แสวงหาไม่ได้จนควายขวิดตาย จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้เผาเองนะ เผาพระอรหันต์ พระอรหันต์หาบาตร หาจีวรบวชไม่ได้ เพราะกรรมมันสร้างมาแตกต่างกัน เห็นไหม

พระอรหันต์มีบุญญาธิการมาก พระสีวลีรวยมหาศาลเลย ไปไหนมีแต่คนเสียสละให้พระสีวลีเพราะอะไร? เพราะพระสีวลีท่านเคยเป็นหัวหน้าทำบุญ ท่านเคยเป็นผู้มีบุญกุศลในหัวใจที่เราสะสมมานี่ เห็นไหม ศาสนาเป็นเรื่องของหัวใจ หัวใจที่มันสร้างเป็นบุญญาธิการมา ทำอะไรมันก็ประสบความสำเร็จ ถ้ามันทำจนสุดความสามารถ มันจะติดขัดอย่างไรมันก็เป็นกรรมของเรา เราก็ต้องสร้างคุณงามความดีไป เราไม่ท้อถอยไง

นี่พระโพธิสัตว์ท้อถอยไม่ได้ พระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์พยากรณ์แล้วจะไม่มีการหวนกลับ ต้องทำไปถึงที่สุด เห็นไหม ถึงที่สุดถ้าทำคุณงามความดี จะมีมุมมองที่ดีๆ จะเสียสละเป็นผู้ที่ดีตลอดไป

สิ่งที่เป็นมาร สิ่งที่เป็นบาปอกุศลมันก็ทำลายกันไปตลอดเวลา แล้วสังคมเป็นอย่างนี้ สังคมเป็นอย่างนี้แล้วเราก็ต้องเลือกเอา ดูสิความคิดเราเดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็เลวอยู่ในหัวใจเรา นี่คบบัณฑิต คบพาลจากข้างนอก คบบัณฑิต คบพาลจากข้างใน แล้วศาสนามันจะมีจุดยืน คนเรามีจุดยืนนะ ถ้าไม่มีจุดยืนเราจะโลเลนะ เราจะน้อยเนื้อต่ำใจนะ ทำไมสังคมบีบคั้นเรา? ทำไมสังคมเลวไปหมดเลย เราเป็นคนดีคนเดียว

สังคมจากภายนอกบีบคั้นเข้ามาข้างใน เห็นไหม แล้วสังคมภายในหัวใจเราล่ะ? คิดดี คิดชั่ว ความคิดเกิดดับๆๆ อยู่อย่างนี้ นี่สังคมที่ดี เราคิดแต่สิ่งดีๆ ทำไมเราคิดไม่ได้ล่ะ? ทำไมมันคิดแต่สิ่งที่เราอยากจะเอาแต่ความสุขสบายล่ะ?

นี่ถ้ามีหลักใจ มีศาสนาตัวนี้ มันเห็นคุณประโยชน์ตรงนี้ไง ถ้าคนไม่เห็นคุณประโยชน์จะทำทำไม? นี่มาเสียสละกัน มาทำบุญกันมาทำไม? มาเพราะเห็นคุณค่ามันใช่ไหม? มาเพราะเห็นเราเสียสละออกไปแล้วเรามีความร่มเย็นเป็นสุขในหัวใจใช่ไหม? มันเป็นทิพย์ เราเสียสละไปแล้วมันเป็นความรู้สึก

นี่ของที่เป็นวัตถุนะมันยังมีการแย่งชิงได้ มีการสูญหายได้ ของที่เสียสละไปแล้ว เราเห็นอยู่ เราเสียสละไปกับมือนะ เราคิดถึงเราทำบุญเมื่ออดีตมาสิ คิดถึงเดี๋ยวนี้มันยังสดๆ ร้อนๆ มันไม่มีเสียหายเลย ข้าว อาหาร ที่เราเสียสละออกไปแล้วเราคิดถึง เห็นไหม เวลาไปเกิดเป็นเทวดานี่อาหารเป็นทิพย์ วิญญาณาหาร อาหารคือสิ่งที่มันมีอยู่แล้ว เราระลึกถึงมันจะเป็นทิพย์ มันมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่ได้ทำไว้ เราไม่มีอยู่เราจะเอาอะไรไปนึก

วิญญาณาหาร ผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร กวฬิงการาหารอาหารเป็นคำข้าว.. การเกิดและการตายไปวัฏฏะนี้ นี่ในวัฏฏะ อาหารในวัฏฏะนี้ เกิดมานี่ดูสิมนุษย์กินข้าวเป็นอาหาร สัตว์มันไม่กินหรอก ดูสิผึ้งมันตอมแต่เกสรดอกไม้ใช่ไหม? แมลงวันมันตอมแต่ของเหม็น เกิดเป็นภพชาติหนึ่งอาหารอย่างหนึ่ง เกิดเป็นชาติหนึ่งอาหารอย่างหนึ่ง อาหารไม่เหมือนกันหรอก นี่เราไม่ได้เสียสละน้ำ เราไม่ได้ทำอะไร เราเกิดแล้วเราจะไม่มีน้ำกิน

ไม่มีปาก ไม่มีร่างกาย เอาอะไรไปกินน้ำ เทวดากินน้ำอะไร? เทวดาเขากินน้ำทิพย์ของเขา เพราะเวลาความรู้สึกนี่มันอิ่มทิพย์ไง เวลามันต้องการสดชื่น มันสดชื่นไปในตัว เขาไม่เอาน้ำนี้ไปกินกันหรอก น้ำนี่มนุษย์กิน ถ้าเราเสียสละน้ำนี้ เราเสียสละต่างๆ ปัจจัยเครื่องอาศัย แต่มันเป็นบุญกุศลเราใช่ไหม? เราเสียสละแล้วใช่ไหม? เราไปนึกเอาใช่ไหม?

นี่อาหาร อาหาร ๔ ในวัฏฏะ อาหาร ๔ ในวัฏฏะคือกามรูป รูปภพ อรูปภพ อาหาร ๔ ในวัฏฏะ แล้วจิตนี้มันเกิดมันตายมาตลอดไป เห็นไหม นี่เราเห็นคุณประโยชน์มันเราถึงเสียสละ เราเสียสละเพื่ออะไร? นี่เสียสละจากภายนอกนะ แล้วเวลามันคิดไม่ดีในหัวใจทำไมไม่เสียสละมัน เวลาทุกข์นี่ทำไมไม่สละความทุกข์ออกไป ทำไมไม่หาแต่ความสุขล่ะ? มันเสียสละไม่ได้เพราะเราไม่ได้ฝึกฝน เพราะเราไม่ได้ทำศีล สมาธิ ปัญญา

ถ้ามีสมาธิขึ้นมาจิตมันตั้งมั่นมันจะคิดได้อย่างไร? เรามีจุดยืน เราต่อสู้กับความคิด ไม่ให้ความคิดเกิดกับเราเลย นี่คือการต่อสู้ คือเอาสิ่งไม่ดีเก็บไว้ใต้พรมเฉยๆ นะ สมาธิคือหินทับหญ้า คือกดไว้ กดมันไว้ก่อน เราไม่มีกำลังเรากดมันไว้ก่อน แล้วเราใช้ปัญญาใคร่ครวญ เห็นไหม นี่บัณฑิตจากข้างใน ถ้าใครวิปัสสนา ใครมีปัญญาญาณขึ้นมาในหัวใจ มันจะเห็นคุณค่าของศาสนามาก

เราเกิดมาเป็นชาวพุทธนะ เรามาในชาตินี้เราอยู่ในสังคมอันดี เราก็น่าจะชื่นชมตัวเองว่าเรามีบุญแล้ว ดูเขาเกิดกันเขาทุกข์เขายากขนาดไหน เราเกิดมานี่ ใช่ ทุกข์ยากในปัจจัยเครื่องอาศัยมันต้องทุกข์ยากทุกคนแหละ หายใจก็ทุกข์นะ นอนก็ทุกข์ นอนนานๆ ไม่ลุกมันก็ปวดนะ การอยู่ในโลกนี้ ความจริงทุกข์คืออริยสัจ ทุกข์คือความจริง แต่เพราะเราเข้าใจทุกข์เราถึงเผชิญหน้ากับทุกข์ แล้วเราถอนสมุทัย ถอนตัวไอ้ที่มันเป็นความต้องการ มันก็เป็นธรรมดาทั้งหมด

มันเป็นสัจจะความจริงใช่ไหม? เราอยู่กับสัจจะความจริง เราจะปฏิเสธสัจจะความจริงได้อย่างไรล่ะ เพราะเราปฏิเสธสัจจะความจริง แล้วมีความปรารถนาคือตัณหาความทะยานอยาก คิดจะเอาแต่ได้ มันก็เลยทุกข์ไงเพราะมันไม่ได้ตามความเป็นจริงไง แต่ถ้าเรามีปัญญาขึ้นมา เราใคร่ครวญมันตามความเป็นจริง แล้วปล่อยวางไว้ตามความเป็นจริง

เรามีเป็นความจริงอันหนึ่ง จิตมันปล่อยวาง จิตมันเป็นอิสระ เห็นไหม นี่ไงบารมีธรรม! นี่มันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันจะมีปัญญาของมัน ถึงที่สุดของมัน มันทำของมัน มันเป็นประโยชน์ของมัน ของมันคือใคร? ของมันคือตัวจิตดวงนั้นไง จิตของเรา เห็นไหม

นี่วันนี้วันเฉลิมพระชนมพรรษา เราทำบุญเพื่อในหลวง เพื่อผู้นำของเรา เพื่อเป็นจุดรวมหัวใจของสังคม ที่สังคมมันผ่านมา ที่เราอยู่ในสังคมนี้มีความร่มเย็นเป็นสุขพอสมควรตามอัตภาพของมนุษย์ แล้วเรามีหลักมีเกณฑ์ เราพยายามภาวนาของเรา หาความสุขความจริงภายในของเรา ให้จิตมันสงบ จิตที่มันยืนตัวมันเองได้เป็นอิสรภาพ อิสรภาพเราจะไม่อิงกับใครเลย เราจะเป็นอิสรภาพของเราเอง แล้วเราวิปัสสนาไปจนถึงหลุดพ้นออกไปจากวัฏฏะนี่เป็นผลประโยชน์มาก เห็นไหม นี่เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่เป็นพุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งสังคม มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกอย่างพร้อม เราเกิดมาพร้อมแล้วเราจะแสวงหาสมบัติอะไร?

สมบัติภายนอกเราแสวงหาไว้เพื่อตัวเรา สมบัติภายในเราแสวงหาเพื่อใจเรา ให้ใจเรามันมีจุดยืน แล้วใจเรามันไปที่ดี เห็นไหม เราแสวงหา ทุกคนเกิดมาต้องมีหน้าที่การงาน มีทุกคน ทุกคนงานของใคร งานของพระต้องนั่งสมาธิภาวนา นี่งานของพระ งานของฆราวาส งานของนักรบ นี่ภิกษุ นักรบเห็นภัยในวัฏสงสารถึงออกมาเป็นนักรบ แล้วรบกับใคร รบกับตัวเอง รบกับความคิด รบกับสิ่งเศร้าหมองในหัวใจ เอาชนะมันให้ได้ แล้วจะเป็นสมบัติของเรา เอวัง